อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรมในสังคมไทย
ศรีศักรทัศน์

อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรมในสังคมไทย

 

“...อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรม บัญญัติโดยนักมานุษยวิทยาเมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว ใช้อธิบายถึงพฤติกรรมมนุษย์ที่ส่งผลทำลายศีลธรรมอันดี ทำให้สังคมเสื่อมโทรมและเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอย่างมากมาย เช่นการมั่วสุมในอบายมุขและยาเสพติด เหตุหนึ่งเพราะขาดการขัดเกลาโดยครอบครัวภายใต้บริบทสังคมอุตสาหกรรมที่พ่อแม่ต้องพลัดพรากแยกกันไปทำงานจนไม่มีเวลาอบรมปลูกฝังศีลธรรมให้ลูก เด็กๆ บางคนมียาเสพติดและเกมมือถือเป็นที่พึ่ง ดูจะเป็นการปลูกฝังการต่อสู้ห้ำหั่นอันเป็นต้นเหตุแห่งการปล้นจี้ชิงทรัพย์และอาชญากรรมทั้งหลาย นับเป็นภาวการณ์ล่มสลายของศีลธรรมความเป็นมนุษย์ที่พบเห็นได้ทุกวันนี้...”

 

 

อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรมในสังคมไทย

โดยอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม

บทความเผยแพร่ในวารสารเมืองโบราณ ปีที่ 47 ฉบับที่ 2 (เมษายน-มิถุนายน 2564) “วิมายปุระ-พิมาย”

 

คำว่า อัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรม (cultural suicide) เป็นคำที่ใช้ในหมู่นักมานุษยวิทยาเมื่อราว 50 กว่าปีมาแล้ว เป็นการเรียกกิจกรรมของมนุษย์ในสังคม เช่น การปลูกฝิ่น ค้าฝิ่น และยาเสพติดที่มีผลต่อการทำลายศีลธรรม ความเป็นมนุษย์ และชีวิตวัฒนธรรมของคนในสังคมจนเกิดความพินาศ สังคมไทยตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ดังเห็นได้จากการออกกฎหมายยกเลิกการปลูกฝิ่น มีการนำฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นมาเผารวมกันที่ท้องสนามหลวงอย่างเป็นมหกรรม รวมทั้งมีการปราบปรามอย่างเข้มงวดเพื่อให้การสูบฝิ่นและค้าฝิ่นหมดไป ซึ่งเรื่องนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีส่วนร่วมในการกำจัดการปลูกฝิ่น ด้วยการเสด็จไปช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชนกลุ่มน้อยที่มีอาชีพปลูกฝิ่นบนภูเขาในภาคเหนือ นับเป็นการช่วยรัฐบาลและทางราชการอีกโสตหนึ่ง

 

พระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นนั้น ถือเป็นความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เพราะทำให้ชนกลุ่มน้อยที่เกือบทุกประเทศในเวลานั้นเห็นว่าเป็นผู้บุกรุกเขตแดนและทำความลำบากให้แก่รัฐและผู้คนต้องขับไล่ไปให้พ้น การทำให้ชนกลุ่มน้อยเลิกปลูกฝิ่นและค้าฝิ่นได้สำเร็จนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงริเริ่มโครงการพระราชดำริเปลี่ยนอาชีพชาวเขาให้หันมาปลูกพืชเมืองหนาวและกลายเป็นพลเมืองไทย ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายรัฐบาลกลับไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะหลังจากเลิกปลูกฝิ่นแล้ว เฮโรอีนก็ระบาดเข้ามาแทนที่ ซ้ำร้ายกลับยิ่งกว่าเก่า เพราะปราบปรามได้ยากกว่า ด้วยสังคมเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อนในเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ส่งผลให้เฮโรอีนระบาดไปยังกลุ่มคนอาชีพต่างๆ ในสังคม นอกจากนี้การคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนร่วมในการค้ายาเสพติด หรือไม่ก็ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้พ้นโทษและการถูกจับกุม จนการค้ายาเสพติดและการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย เฮโรอีนและยาเสพติดมากชนิดเกิดขึ้นในหมู่ชนชั้นกรรมาชีพ เช่น ยาม้าและยาบ้าในบรรดาคนขับรถบรรทุกและรถโดยสาร กรรมกรในโรงงาน ในที่สุดก็ระบาดมาถึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นเด็กนักเรียนและเยาวชนซึ่งเติบโตขึ้นในสังคมอุตสาหกรรมยุคโลกาภิวัตน์ ที่โครงสร้างสังคมทั้งในระดับครอบครัวและชุมชนเปลี่ยนไป

 

สังคมชาวนาสู่สังคมอุตสาหกรรม

ก่อนสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สังคมไทยทั้งในเมืองและชนบทยังอยู่ในสภาพสังคมชาวนา (peasant society) ที่คนยังอยู่ติดที่ มีการโยกย้ายถิ่นฐานน้อย ความเป็นครอบครัวและชุมชนอยู่ในรูปของเศรษฐกิจแบบพอเพียง สมาชิกของชุมชนและครอบครัวไม่ได้โยกย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินในเมืองหรือในถิ่นอื่นในลักษณะผู้ใช้แรงงานและกรรมกร ส่วนมากมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ออกไปทำงาน ผู้หญิงยังอยู่กับครอบครัวในชุมชน และเด็กก็เติบโตอยู่ภายในท้องถิ่น พอเปลี่ยนจากสังคมชาวนามาเป็นสังคมอุตสาหกรรมทำให้ครอบครัวและชุมชนเริ่มเกิดความแตกแยก เพราะคนที่เป็นพ่อแม่ต่างออกไปทำงานที่อื่น เช่น คนอีสานเข้ามาทำงานในเมือง ในครัวเรือนมีแต่สมาชิกที่เป็นเด็กและคนแก่ ขณะเดียวกันก็มีคนจากภายนอกเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมและแหล่งเพาะปลูกที่เป็นเกษตรอุตสาหกรรม ทำให้สังคมแบบจารีตล่มสลาย โครงสร้างครอบครัวและชุมชนที่เคยมีความสัมพันธ์แบบเดิมหมดไป ต่างคนต่างอยู่อย่างแปลกแยก ขาดสำนึกร่วมของการเป็นคนกลุ่มเดียวกันอย่างที่เคยมีมา ซึ่งนอกจากโครงสร้างทางสังคมจะเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เป็นโลกทัศน์หรือการมองโลก (world view) และระบบค่านิยม (value system) ก็เปลี่ยนไปในทางวัตถุนิยมและปัจเจกนิยม การสร้างโลกใหม่ด้วยสิ่งเสมือนจริง (virtual  reality) ที่แปลกใหม่ด้วยความเชื่อมั่นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิธีการทางตะวันตก

 

ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ สังคมเมืองส่วนใหญ่ถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมอเมริกัน (amaricanization) ไม่ว่าจะเป็นระบบการปกครอง การศึกษาและความคิดทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี การพัฒนาแหล่งอุตสาหกรรมและความเป็นเมืองในยุคใหม่ (urbanization and industrialization) ที่ทำให้ลักษณะของชนบทแบบดั้งเดิม (rural society) ค่อยๆ หมดไป ยกเว้นนิสัยอย่างหนึ่งที่เป็นมรดกตกทอดมาจากอดีต ก็คือความชอบในอำนาจนิยม ทำให้มีพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย (Law Violating Society) นำมาซึ่งความชั่วร้ายในเรื่องอบายมุขและการคอร์รัปชันในระบบราชการและภาคธุรกิจ

 

พฤติกรรมของคนในสังคมยุคโลกาภิวัตน์

การพนันคืออบายมุขที่อาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตวัฒนธรรมของคนไทย มีมากมายหลายอย่างทั้งที่ถูกกฎหมาย เช่น ลอตเตอรี่ การเล่นหุ้น และการพนันกีฬาอย่างการแข่งขันฟุตบอล การตีไก่ ชนโค และอื่นๆ แต่ทั้งหลายเหล่านี้ยังมีผลร้ายไม่เท่ากับยาเสพติด สิ่งมึนเมาที่ทำให้ขาดสติและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำร้ายตนเองและผู้อื่น อบายมุขที่เกิดจากการเสพยาเสพติดและการพนันกีฬาคือสิ่งที่เรียกว่าอัตวินิบาตกรรมทางวัฒนธรรม นำมาซึ่งการล่มสลายทางศีลธรรม (Demoralization) และความเป็นมนุษย์ (Dehumanization)

 

นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งในสังคมยุคโลกาภิวัตน์ที่เห็นกันอย่างดาษดื่น ก็คือการติดเกมของเด็กและเยาวชน คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีการสร้างโปรแกรมเพื่อความบันเทิงต่างๆ เช่น การแข่งขัน การต่อสู้ การกีฬา และการสู้รบให้เป็นเกมสำหรับเด็กและเยาวชนในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจที่สะดวกสบาย เพราะสามารถเล่นได้ตามลำพัง ทุกเวลาและสถานที่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีราคาแพง แต่ละครอบครัวต้องหามาให้กับลูกหลาน ซึ่งดูแล้วเหมือนการซื้อเวลาในการดูแลอบรมและให้การศึกษาอย่างใกล้ชิดเช่นในสมัยก่อน เพราะพ่อแม่ต้องออกไปทำงาน เยาวชนยุคใหม่จึงเติบโตขึ้นมาอย่างอิสระ มีการคบหากันเองและรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง ให้เวลากับการเล่นเกม  มั่วสุมเสพยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเฮโรอีน ยาไอซ์ ยาอี ดื่มสุรากันอย่างไม่สนใจกฎเกณฑ์ทางสังคมและความผิดทางกฎหมาย

 

การระบาดของยาเสพติดให้โทษจากการลักลอบผลิตและซื้อขายกันอย่างผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่ทางรัฐไม่สามารถควบคุมได้ เพราะมีการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับ ทำให้เยาวชนและวัยรุ่นรวมกลุ่มมั่วสุมกัน ประพฤติในสิ่งที่ผิดศีลธรรมและประเพณี โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์อย่างสำส่อนทั้งชายและหญิง จนแทบกล่าวได้ว่าในสังคมของวัยรุ่นไม่มีการแต่งงานกันตามประเพณี หากมีการสมสู่และสำส่อน (promiscuous mating system) กันตามธรรมชาติอย่างสัตว์เดรัจฉาน หาใช่เป็นกิจทางสังคมไม่ ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อราว 20 ปีมานี้ ความสัมพันธ์ทางเพศดังกล่าวเกิดขึ้นในหมู่เด็กวัยรุ่นทั่วไป รวมทั้งมั่วสุมเสพยาเสพติด เมื่อเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาก็ไม่มีความรับผิดชอบ มีการทำแท้งและทอดทิ้งเด็กทารกให้ตายเสียก็มาก บ้างกลายเป็นเด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน อาศัยอยู่ตามแหล่งเสื่อมโทรม ทำให้ข้าพเจ้าวิตกจริตถึงความเสื่อมโทรมของสังคมและศีลธรรมในเรื่องนี้ และคิดว่าในอีกไม่ช้า ประชาชนคนรุ่นใหม่ของประเทศชาติคือคนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่อาจทัดเทียมกับคนในชาติใกล้เคียงที่เคยตกเป็นอาณานิคมของตะวันตก

 

ผ่านมากว่า 20 ปี ปัจจุบันเด็กบางคนกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เล่นการพนันและเสพยาเสพติดที่มีพิษภัยร้ายแรงกว่าแต่ก่อนหลายเท่า อย่างเช่นยาเคที่เกิดใหม่ในทุกวันนี้ มีทั้งเคนมผงและเคทะเลทราย เป็นเหตุให้ผู้เสพเสียชีวิต เพราะผลของการเล่นการพนันและเสพยาเสพติดให้โทษทำให้ขาดสติสัมปชัญญะ สูญสิ้นความนึกคิดในทางศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ กลายเป็นคนที่ไม่มีคุณภาพ ดังจะเห็นได้ว่าสังคมไทยในทุกวันนี้มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งปกติใหม่ (new normal) คือมีข่าวอาชญากรรมที่คนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการพนันกลายเป็นอาชญากร ทำร้ายและฆ่าฟันกันเอง เช่น ลูกฆ่าพ่อแม่ ลุงฆ่าหลาน พ่อข่มขืนลูก แก๊งวัยรุ่นที่ติดยารุมทำร้ายผู้อื่น หรือกลุ่มเด็กแว้นปล้นชิงทรัพย์ พฤติกรรมที่กลายเป็นเหตุการณ์ประจำวันดังกล่าว คือสิ่งที่เรียกว่าความล่มสลายทางศีลธรรมและความเป็นมนุษย์เข้าสู่ความเป็นสัตว์เดรัจฉาน